Free Call
+1 820 123 54 87
[su_audio url="http://203.158.239.184/replay/2562/บ้านทุ่งติดดาว 8 มิย 62 ออกอากาศ.mp3"]
วันออกพรรษา หรือวันปวารณาออกพรรษา เป็นวันสำคัญทางพุทธศาสนาวันหนึ่งของประเทศไทย เนื่องจากเป็นวันสิ้นสุดช่วงฤดูจำพรรษาเป็นระยะเวลา 3 เดือนของพระสงฆ์เถรวาท ซึ่งจะเป็นวันที่พระสงฆ์จะทำสังฆกรรมปวารณาออกพรรษากันในวันนี้ โดยปกติ วันออกพรรษา (ออกปุริมพรรษา) จะตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 11 (ช่วงประมาณเดือนตุลาคม) ตามปฏิทินจันทรคติไทย
การออกพรรษา ถือเป็นข้อปฏิบัติตามพระวินัยสำหรับพระสงฆ์โดยเฉพาะ เรียกว่า ปวารณา จัดเป็นญัตติกรรมวาจาสังฆกรรมประเภทหนึ่งที่ถูกกำหนดโดยพระวินัยญัตติให้โอกาสแก่พระสงฆ์ที่จำพรรษาอยู่ร่วมกันตลอดไตรมาส ให้สามารถตักเตือนและชี้ข้อบกพร่องแก่กันได้โดยเสมอภาคด้วยจิตที่ปราถนาดีซึ่งกันและกัน โดยให้พระสงฆ์ที่ถูกตักเตือนมีโอกาสรับรู้ข้อบกพร่องของตนและสามารถนำข้อบกพร่องนั้นไปแก้ไขให้ดียิ่งขึ้น
เมื่อถึงวันออกพรรษา พุทธศาสนิกชนนับว่าเป็นโอกาสอันดีที่จะเข้าวัดเพื่อบำเพ็ญกุศลแก่พระสงฆ์ที่ตั้งใจจำพรรษา และตั้งใจปฏิบัติธรรมมาตลอดจนครบไตรมาสพรรษากาลในวันนี้ และเมื่อถึงวันถัดจากวันออกพรรษา 1 วัน (วันแรม 1 ค่ำ เดือน 11) พุทธศาสนิกชนในประเทศไทยยังนิยมไปทำบุญตักบาตรครั้งใหญ่ เรียกว่า ตักบาตรเทโว หรือ ตักบาตรเทโวโรหณะ เป็นการทำบุญออกพรรษาเพื่อรำลึกถึงเหตุการณ์สำคัญในพุทธประวัติที่กล่าวว่า ในวันถัดจากวันออกพรรษาหนึ่งวัน พระพุทธเจ้าได้เสด็จลงจากเทวโลกกลับจากการโปรดพระพุทธมารดาบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ในพรรษาที่ 7 แล้วลงมายังเมืองสังกัสสนคร พร้อมกับทรงแสดงโลกวิวรณปาฏิหารย์เปิดโลกทั้งสามด้วย
นอกจากนี้ ในช่วงเวลาออกพรรษาตั้งแต่วันแรม 1 ค่ำ เดือน 11 ถึง วันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 12 ถือเป็นเวลากฐินกาลตามพระวินัยปิฎกดถรวาท เป็นช่วงเวลาที่พุทธศาสนิกชนชาวไทยจะเข้าร่วมบำเพ็ญกุศลเนื่องในงานกฐินประจำปีตามวัดต่างๆ ซึ่งถือว่าเป็นงานบำเพ็ญกุศลที่ได้บุญมากอีกงานหนึ่ง
วันออกพรรษา คือ วันที่สิ้นสุดระยะเวลาการจำพรรษาเป็นเวลา 3 เดือน (นับแต่วันที่เข้าพรรษา) โดยเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า วันมหาปวารณา คำว่า ปวารณา แปลว่า อนุญาต หรือ ยอมให้ ซึ่งในวันออกพรรษานี้ พระสงฆ์จะประกอบพิธีทำสังฆกรรมใหญ่ เรียกว่า มหาปวารณา จะเป็นการเปิดโอกาสให้ภิกษุว่ากล่าวตักเตือนกันได้ เพราะในระหว่างเข้าพรรษา พระสงฆ์บางรูปอาจมีข้อบกพร่องที่ต้องแก้ไข การให้ผู้อื่นว่ากล่าวตักเตือนได้จะทำให้รู้ข้อบกพร่องของตน อีกทั้งยังเป็นการเปิดโอกาสให้ซักถามข้อสงสัยซึ่งกันและกันอีกด้วย
ขอบคุณข้อมูล : http://event.sanook.com/
ได้ยินมาตั้งแต่เด็กว่า ถ้าอยากให้แก้มเป็นสีชมพูต้องกินมะเขือเทศเยอะๆ ด้วยเหตุผลข้อนี้เอง ที่ทำให้ใครหลายๆ คนชอบกินมะเขือเทศกัน แต่ก็มีบางคนที่ไม่โปรดผักชนิดนี้นัก เพราะเนื้อเลาะและรสชาติไม่ถูกปาก
แต่รู้หรือไม่ว่า การกินมะเขือเทศเป็นประจำลดความเสี่ยงเป็นโรคมะเร็งลำไส้ และมะเร็งต่อมลูกหมากได้
มะเขือเทศ หรือบะเขือส้ม เป็นผักที่อยู่ในวงศ์ Solanaceae มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Solanum lycopersicum L. มีถิ่นกำเนิดทางตะวันออกของอเมริกาใต้ นอกจากมีชื่อภาษาอังกฤษว่า Tomato แล้ว ยังมีอีกชื่อว่า Love Apple
มะเขือเทศเป็นไม้เลื้อย อายุ 1-2 ปี ต้นทอดเลื้อยได้ไหกลถึง 1.8 เมตร ทุกส่วนของต้นมีขนปกคลุม ใบประกอบออกเวียนสลับ ใบอวบน้ำ ขอบใบจักฟันเลื่อย ช่อดอกออกที่ซอกใบปลายกิ่ง แต่ละช่อมี 1-5 ดอก เป็นดอกสมบูรณ์เพศ กลีบดอกเชื่อมติดกันเป็นรูปดาว สีเหลือง เห็นเกสรเด่นชัด ผลเมื่อสุกแก่เปลี่ยนเป็นสีแดง เนื้อนุ่ม ฉ่ำน้ำ ภายในมีเมล็ดจำนวนมาก
เรานิยมกินมะเขือเทศกันเป็นผักสด นำมาประกอบอาหารได้ทั้งคาวหวาน ผลสีแดงนี้มีไลโคปีน ซึ่งเป็นสารแอนติออกซิแดนต์ที่ช่วยป้องกันมะเร็ง ทำให้ผิวพรรณเปล่งปลั่งไม่แห้งกร้าน ลดริ้วรอยได้ นอกจากนี้ยังมีเบต้าแคโรทีนและฟอสฟอรัสสูง ลดการอักเสบของสิวได้ด้วย
ปลูกใส่กระถางตั้งประดับในสวน เมื่ออกผลสีแดงส้มก็เตรียมเก็บมากินได้เลยค่ะ
มือใหม่หัดปลูก
มะเขือเทศปลุกได้ทุกภาคในเมืองไทย มีหลายพันธุ์ให้เลือก เช่น มะเขือส้ม มะเขือเทศสีดา มะเขือเทศเชอร์รี่ ชอบดินร่วนระบายน้ำดี โดนแสงแดดตลอดวัน ขยายพันธุ์ด้วยการเพาะเมล็ดเท่านั้น ด้วยขั้นตอนดังนี้
ประมาณ 7-10 วัน เมล็ดจะเริ่มงอกมีใบเลี้ยง 2 ใบให้เห็น ดูแลจนเริ่มแตกใบจริง 1-2 คู่ จึงย้ายปลูกลงในกระถางที่มีขนาดใหญ่ หรือปลูกลงแปลงดินที่มีแสงแดดตลอดวัน หรือช่วงครึ่งวันเช้า ปลูกประมาณ 70-75 วันจะออกผลให้เก็บกิน
Tips
• ควรทำค้างไม้ให้ต้นเลื้อยพัน จะช่วยให้ออกดอกและติดผลได้ดี
• ควรนำเมล็ดมาเพาะทันที จะมีเปอร์เซ็นต์การงอกสูง
• ควรเก็บในระยะที่ผลมีสีแดงประมาณ 70 เปอร์เซ็นต์ จะเก็บในตู้เย็นได้นานกว่าเก็บตอนเป็นสีแดงทั้งผล
ขอบคุณข้อมูล : health.haijai.com
ทุเรียน…แค่ได้ยินสาวกทั้งหลายเป็นน้ำลายสอ แต่สิ่งที่สาวๆ ต่างกังวลหลังจากจัดการเจ้าทุเรียนหอมหวานลงไปในท้องแล้วก็คือความอ้วน เนื่องจากทุเรียนให้พลังงานและแคลอรี่สูง เพราะมีสารอาหารจำพวกแป้ง น้ำตาลเป็นส่วนประกอบหลัก จึงต้องกินให้พอดี โดยเฉพาะคนอ้วน ผู้ป่วยโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง ต้องระวังเพราะอาจทำให้โรคกำเริบได้
แล้วทุเรียน กินอย่างไรไม่ให้อ้วน…
ง่ายๆนะคะ เพียงแค่ตื่นขึ้นมากินตอนประมาณ 05.00 น. อาจจะเช้าหน่อย แต่คุ้มค่าค่ะ!!! เพราะนอกจากไม่อ้วนแล้วยังช่วยในการฆ่าพยาธิประจำปีได้ด้วย อาจจะผิดเวลาของการลิ้มรสทุเรียนหน่อย ถือซะว่ากินเป็นยา กินแล้วดื่มน้ำอุ่นตามไปมากๆ มีคำแนะนำจากแพทย์ว่าควรกินสองวันติดต่อกันและงดอาหารเช้าทั้งสองวัน ความร้อนในสารกำมะถันธรรมชาติ และกากใย จากพูทุเรียน จะออกฤทธิ์ในการดีท๊อกซ์ลำไส้ออกได้อย่างเกลี้ยงเกลา รวมทั้งเป็นยาถ่ายพยาธิด้วย
ทุเรียนเมื่อกินเข้าไปแล้วจะทำให้รู้สึกร้อน อาจทำให้ผู้ที่โรคประจำตัวอยู่แล้วอาการกำเริบเร็วขึ้น ส่วนประชาชนทั่วไปที่ชอบกินทุเรียน ก็ควรหมั่นออกกกำลังกาย เพื่อให้ร่างกายได้ใช้พลังงานและไปเผาผลาญสารอาหารที่เกินจำเป็น ซึ่งจะไปสะสมในร่างกายในรูปของความอ้วน แม้จะอร่อยแต่ก็ต้องกินกันอย่างมีสตินะคะ
นอกจากนี้ตามความเชื่อคนไทยแต่โบราณ เชื่อว่าหากกินทุเรียนซึ่งถือว่าเป็นราชาแห่งผลไม้ ก็ควรกินมังคุดซึ่งเป็นราชินีแห่งผลไม้ควบคู่ไปด้วย เนื่องจากทุเรียนเมื่อกินเข้าไปแล้วจะทำให้รู้สึกร้อน ดังนั้นจึงควรกินมังคุดตาม เพราะมังคุดมีรสเย็น ช่วยลดอาการแน่นเฟ้อ อึดอัดในท้อง เรอไม่มีกลิ่นเหม็นค่ะ
ขอขอบคุณเนื้อหาและรูปภาพจาก www.vanneza.com
ใช้รับประทานเหง้าของขมิ้นชัน โดยการปอกเปือกหรือตากแห้งแล้วบดเป็นผงใช้ประกอบอาหารได้หลายอย่าง และแบบผงบรรจุแคปซูลเพื่อความสะดวกแก่การรับประทาน
ขมิ้นชันมีประโยชน์และสรรพคุณหลายประการ ดังนี้
ขมิ้นชันมีวิตามิน เอ, ซี, อี ที่เข้าสู่ร่างกายแล้วจะทำงานพร้อมกันทั้ง 3 ตัว จึงมีผลทำให้ช่วยลดไขมันในตับ สมานแผลภายในกระเพาะอาหาร ช่วยย่อยอาหาร ทำความสะอาดลำไส้ เปลี่ยนไขมันให้เป็นกล้ามเนื้อ ต้านอนุมูลอิสระป้องกันมะเร็งตับ สร้างภูมิคุ้มกันให้กับผิวหนัง กำจัดเชื้อราที่ปนเปื้อนในอาหารที่รับประทานเข้าไปและสะสมในร่างกายเตรียมก่อตัวเป็นเซลล์มะเร็ง ช่วยขับน้ำนมสำหรับสตรีหลังการคลอดบุตรได้ดี รองมาจากการกินหัวปลี
กินขมิ้นชันให้ตรงเวลา ที่อวัยวะส่วนต่างๆ ของร่างกายเปิดการทำงานในช่วงเวลานั้น จะได้ผลตรงกับประเด็นที่ต้องการจะบำรุง หรือแก้ไขฟื้นฟูอวัยวะ รับประทานเพียง 1 แคปซูลเท่านั้น จะออกฤทธิ์มากกว่าเวลาอื่นถึง 40 เท่าตัว แต่ถ้ามีปัญหาหลายอย่างก็รับประทานครั้งละ 1 แคปซูล ทุก ๆ 2 ชั่วโมง ถ้ารับประทานขมิ้นจำนวนมาก ส่วนที่เหลือจะทำหน้าที่ขับไขมันในตับ
กินขมิ้นชันให้เป็นอาหาร ไม่ใช่กินเป็นยา ต้องกินให้สนุกใช้ปรุงอาหารกินบ้าง หุงข้าวก็ใส่ขมิ้นชันได้ ทอดปลาคลุกขมิ้นชันก็ดี ทำให้หอมน่ากิน และยังได้ประโยชน์อีกด้วย เพราะตัวขมิ้นจะช่วยย่อยไขมันจากน้ำมันที่ใช้ทอดปลาได้เป็นบางส่วน
ถ้ากินขมิ้นชันสดๆ ต้องปอกเปลือกก่อน แต่ถ้าทำขมิ้นบดเป็นผง ต้องนำขมิ้นมาต้มน้ำให้เดือดสักพักหนึ่ง เสร็จแล้วตักออกนำมาผึ่งให้เย็นหั่นเป็นแว่นเล็กๆ ตากแดดจนแห้ง อาจจะตากหลายครั้ง แล้วถึงจะนำมาบดให้เป็นผง ถ้าใช้เครื่องอบให้ขมิ้นแห้ง ความร้อนไม่ควรเกิน 65 องศา ถ้าความร้อนเกินอาจเกิดสารสเตรอยด์ได้
กินขมิ้นชันตามเวลาต่อไปนี้จะได้ผลโดยตรงกับอวัยวะส่วนนั้น
เวลา 03.00 – 05.00 น. ช่วยบำรุงปอด ป้องกันการเป็นมะเร็งปอด ช่วยทำให้ปอดแข็งแรง ช่วยเรื่องภูมิแพ้ของจมูกที่หายใจไม่สะดวก และช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันที่ผิวหนัง
เวลา 05.00 – 07.00 น. ช่วยแก้ปัญหาลำไส้ใหญ่ ถ้าเคยกินยาถ่ายมาเป็นเวลานาน ให้กินขมิ้นชันเวลานี้ ขมิ้นชันจะฟื้นฟูปลายประสาทของลำไส้ใหญ่ แต่ต้องกินเป็นประจำ ถึงจะทำให้ลำไส้ใหญ่บีบรัดตัวเพื่อขับถ่ายอย่างปกติ แก้ปัญหาลำไส้ใหญ่กลืนลำไส้เล็ก หรือลำไส้ใหญ่มีปัญหาถ่ายมากเกินไปหรือถ่ายน้อยเกินไป ถ้าลำไส้ใหญ่ไม่มีปัญหา ให้กินขมิ้นชันพร้อมกับสูตรโยเกิต + นมสด + น้ำผึ้ง + มะนาว หรือน้ำอุ่นก็ได้ จะไปช่วยล้างผนังลำไส้ที่มีหนวดเป็นขนเล็กๆ อยู่เป็นล้านๆ เส้น ซึ่งขนเหล่านี้มีหน้าที่ดูดซึมสารอาหารเพื่อไปสร้างเม็ดเลือด ขมิ้นชันจะช่วยล้างให้สะอาดได้ ก็จะไม่ค่อยมีขยะตกค้าง จึงไม่เกิดแก๊สพิษที่ทำให้เกิดกลิ่นตัว และจะไม่ค่อยเป็นริดสีดวงทวาร ไม่เป็นมะเร็งลำไส้
เวลา 07.00 – 09.00 น. ช่วยแก้ปัญหาเรื่องกระเพาะอาหาร เกิดจากการกินข้าวไม่เป็นเวลา ท้องอืด จุกแน่น ปวดเข่า ขาตึง ช่วยบำรุงสมอง ป้องกันความจำเสื่อม
เวลา 09.00 – 11.00 น. ช่วยแก้ปัญหาเรื่องน้ำเหลืองเสีย มีแผลที่ปาก อ้วนเกินไป ผอมเกินไปที่เกี่ยวกับม้าม ลดอาการของโรคเก๊าต์ ลดอาการเบาหวาน
เวลา 11.00 – 13.00 น. สำหรับผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับโรคหัวใจ มีหรือไม่มี ถ้ากินขมิ้นชันเวลานี้ จะช่วยบำรุงหัวใจให้แข็งแรง ถ้าเลยเวลา 11.00 น.ไปแล้ว ขมิ้นชันจะไปทำงานที่ตับ แล้วตับจะส่งมาที่ปิด ปอดจะส่งไปยังผิวหนัง แต่ส่วนมากมาไม่ถึงเพราะกินขมิ้นชันน้อยเกินไป อวัยวะส่วนอื่นจะดึงไปใช้งานก่อนเลยมาไม่ถึงผิวหนัง จึงต้องลงขมิ้นชันทางผิวหนังช่วยอีกทางหนึ่ง
เวลา 15.00 – 17.00 น. ช่วยดูแลหูรูดกระเพาะปัสสาวะให้แข็งแรง แก้ปัญหาเรื่องตกขาวของสตรี และควรกินน้ำกระชายเวลานี้ด้วย จะช่วยดูแลหูรูดกระเพาะปัสสาวะให้แข็งแรง ช่วงเวลานี้ควรทำให้เหงือกออกจะดีมาก เพราะร่างกายต้องการขับสารพิษให้ได้มากที่สุดในเวลานี้
กินเหลือเลยเวลาจากช่วงนี้ จนไปถึงการกินก่อนนอน ขมิ้นชันจะไปช่วยเรื่องความจำให้ความจำดี ตื่นนอนขึ้นมาตอนเช้าจะไม่ค่อยอ่อนเพลีย และช่วยให้การขับถ่ายดีขึ้น กินขมิ้นชันมากๆ จะช่วยขับไล่ไรฝุ่นที่ผิวหนังไม่เป็นผดผื่นคันง่ายๆ และช่วยขับไขมันในตับ ถ้ากินปริมาณมาก
กินขมิ้นชัน แบบผงหรือบรรจุแคปซูล ควรเลือกซื้อจากผู้ผลิตที่มีมาตรฐานและสะอาดเชื่อถือได้ ไร้สารเคมีไม่มีสเตรอยที่เกิดจากการอบแห้งด้วยความร้อนเกิน 65 องศา ควรตัดสินใจเอง เพราะเราจะต้องกินทุกวัน ก็ควรกินให้ปลอดภัยและสบายใจ ถ้ากินขมิ้นชัน แบบผง 1 ช้อนชา ใช้ผสน้ำ 1 แก้ว (ไม่เต็ม) ขมิ้นชันจะไหลผ่านส่วนต่างๆ ตั้งแต่
– ผ่านลำคอ ช่วยขับไล่ไรฝุ่นที่ลำคอ ไปผ่านปอดช่วยดูแลปอดให้หายใจดีขึ้น ลดความชื้นของปอด
– ผ่านม้าม ก็ลดไขมัน และปรับน้ำเหลืองไม่ให้น้ำเหลืองเสีย
– ผ่านกระเพาะอาหาร ก็จะรักษาแผลในกระเพาะอาหาร
– ผ่านลำไส้ ก็สมานแผลลำไส้
– ผ่านตับ ก็ไปบำรุงตับ ล้างไขมันในตับ
ขมิ้นชันยังช่วยดูแลเซลล์ต่างๆ ที่ฉีกขาดก็จะไปเชื่อมให้ และไปกวาดขยะ กวาดไขมันมากองไว้ ถ้าจะอุ้มขยะไปทิ้งโดยการถ่ายก็กินอาหารปกติ เช่น พืช ผัก ผลไม้ ที่มีกากใย หรือกินน้ำลูกสำรอง (พุงทลาย) เพื่ออุ้มไขมัน อุ้มแก๊สไปทิ้ง
คนธาตุเบา แสดงว่ามีการระคายเคือง อักเสบ เป็นแผลเรื้อรังบางอย่างที่ผนังลำไส้เป็นอาจิณ
คนธาตุหนัก แสดงว่าปลายประสาทลำไส้ใหญ่เสื่อม อาจเกิดจากการกินยาถ่ายเป็นประจำ หรือดื่มน้ำน้อย ทั้งธาตุเบาและธาตุหนักไม่ดีทั้งคู่ ถ้าเป็นอย่างนี้แสดงว่ามีปัญหาที่ลำไส้ และปลายประสาทลำไส้ใหญ่ผิดปกติ หากปล่อยไว้วันข้างหน้าจะมีโอกาสเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ได้ ควรกินขมิ้นชันเป็นประจำ เพื่อค่อยๆ ปรับให้เข้าที่แล้ว จะกลับมาถ่ายเป็นปกติ
ข้อมูลจาก : www.nathasorn.com